เกมเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็บุกไปพ่ายแพ้อีกครั้งให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 2-0 ซึ่งเปอร์เซ็นต์การครองบอลนั้นสูงถึง 66% แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรแนวรับของทีม เดวิด มอยส์ ได้เลย

แม้ว่าทีมของ เอริก เทน ฮาก นั้นจะเป็นฝ่ายที่ครอบครองบอลได้เยอะกว่า แต่กลับไร้จินตนาการในการเข้าทำในทุกมิติเลย เกมริมเส้นก็ยังไม่สามารถไว้ใจ อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ อันโตนี่ ได้เลย รวมถึงเกมในแดนกลางจาก บรูโน่ แฟร์นันเดส และ สก็อต แม็คโทมิเนย์ ก็ไม่ได้ช่วยให้รูปเกมดูเหนือกว่าทีมคู่แข่งเลยแม้แต่น้อย

เกมในพื้นที่สุดท้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นแทบจะไม่ได้ลุ้นเลย การเล่นประสานกันของ 3 แนวรุกนั้นเหมือนต่างคนต่างมา ไม่ได้มีการซ้อมร่วมกัน และไม่มีความรู้ใจอะไรเลยทั้งสิ้น ก็ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างที่เห็น

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ยังประเดิมประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ให้กับตัวเองไม่ได้ เอาแค่ใครสักคนที่จะพาบอลเข้าไปกระทบตาข่ายให้ได้ก็พอแล้วในนาทีนี้ หลังจากที่ทำประตูไม่ได้มา 4 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 1998

อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องติติงด้วยก็คือการที่กุนซือชาวดัตช์ จัดการกับแผนการของทีมตั้งก่อนเริ่มเกม รวมถึงการแก้เกมที่ไม่ได้สร้างอิมแพ็คให้กับทีมได้เลย

ในเวลานี้ ‘เร้ด เดวิลส์’ ยิงไปได้เพียง 18 ประตูจากการลงเล่น 18 เกมในลีก ซึ่งมากกว่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ทีมเดียวเท่านั้น ที่ทำได้เพียง 13 ประตูและรั้งอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน โดยนี่แสดงให้เห็นถึงการจบสกอร์ที่เป็นปัญหาใหญ่ของทีมได้ชัดเจนที่สุด

หลังจากนี้จะเหลือโปรแกรมอีกเพียงแค่ 2 เกมก่อนที่จะจบปี 2023 โดยที่จะเปิดบ้านรับมือกับ แอสตัน วิลล่า ที่ฟอร์มกำลังดีแบบสุด ๆ และออกไปเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ก็เป็นเกมที่ไม่ง่ายเลย ก็ไม่รู้ว่าใน 2 เกมนี้จะกวาดคะแนนมาได้มากน้อยเพียงใด

ก็ไม่รู้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาสะกดคำว่า ‘ชนะ’ ได้อีกครั้งในเกมไหน แต่ถ้าหากนานจนเกินไป ก็อาจจะไม่ได้เห็นหัวโล้น ๆ ของ เทน ฮาก ยืนคุมข้างสนามในฤดูกาลหน้าก็เป็นได้ครับ

เขียนโดย Uncle Bear

The Lite Team.